กรณีศึกษานี้จะแสดงให้เห็นว่า บริษัท Start-up ที่ใช้กรอบคิด OKRs ในการผลักดันองค์กรสามารถเติบโตไปสู่บริษัทระดับโลกได้อย่างไร

บริษัทแห่งนี้มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาซอฟต์แวร์บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าที่ออกแบบตรงใจผู้ใช้ (user-centered CRM Tool) แต่เนื่องจากการที่ลูกค้ามีความต้องการให้ customize app ค่อนข้างมากนำไปสู่ การตั้งเป้าหมายและการสร้างความสอดคล้องกันของเป้าหมายในแต่ละระดับ

กรอบแนวคิด OKR และ software OKR ช่วยทำให้ทุกคนในองค์กรขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อตอบสนองเป้าหมายหลักขององค์กร

ความท้าทาย
1.ปัญหาในการส่งมอบและประสิทธิภาพของงาน ทีมบริหารโครงการเริ่มโครงการตามความต้องการของลูกค้าหลายๆโครงการพร้อมกัน ทีมเทคนิคประสบปัญหาการขาดแคลนโปรแกรมเมอร์ และไม่สามารถติดตามความก้าวหน้าของงานได้ ทีมไม่สามารถส่งมอบงานตามที่ลูกค้าต้องการ และนำไปสู่การไม่บรรลุเป้าหมายของตัวชี้วัดสำคัญขององค์กร

2.ไม่สามารถวิเคราะห์ภาพรวมขององค์กรได้ บริษัทมีการใช้ Software ที่แตกต่างกันในแต่ละหน่วยงานตั้งแต่ แผนกขาย แผนก application แผนกสนับสนุน แผนกบริหารทรัพยากรมนุษย์  70 % ของข้อมูลที่ได้ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร และไม่สามารถติดตามผลงานของแต่ละแผนกได้

3.การนำเสนอ software ใหม่ไปสู่ตลาด ใช้งบประมาณเกินที่กำหนด และ ส่งผลกระทบต่อรายได้สุทธิ พนักงานในทีมไม่รู้สึกรับผิดชอบ (accountable) สำหรับเป้าหมายระยะสั้น การทบทวนผลงานพนักงานมีไม่สม่ำเสมอและขาดทิศทาง รายได้สุทธิลดลงอย่างต่อเนื่องในหลายไตรมาส

แนวทางการแก้ไข

การใช้ profit.co OKR software ช่วยทำให้ทีมมีการทำงานร่วมกันและทำให้การเชื่อมโยงเป้าหมายองค์กรเป็นเรื่องง่าย

Software ช่วยองค์กรในด้าน

•สร้างกระบวนการที่ทำให้ OKR เป็นไปอย่างโปร่งใส และทุกคนในองค์กรมองเห็น OKR ในทุกระดับ
•การสร้างความสอดประสานกันของ OKR ที่เชื่อมโยงจากระดับบนไปสู่ระดับล่าง ทำให้เกิดการ feedback และการทบทวนผลงานพนักงานสม่ำเสมอ
•สร้างวัฒนธรรมการทำงานระหว่างทีม (cross-functional OKRs) เพื่อร่วมกันผลักดันเป้าหมายองค์กรที่ท้าทายให้ประสบความสำเร็จ

ผลลัพธ์

1.การพัฒนา software (sprint completion rate) เร็วขึ้นกว่าเดิม 12 % ในไตรมาสแรก ส่งผลดีต่อรายได้สุทธิ
2.Software ช่วยสร้างความรับผิดชอบในงาน ระบบวัดผลที่สามารถติดตามภาพรวมองค์กร ผ่าน Dashboard ทำให้สามารถติดตามตัวชี้วัดหลักๆ และทำให้การส่งมอบ software ตามเวลาที่กำหนดได้มากขึ้น
3.ฟังก์ชัน task management ทำให้เกิด platform ในการทำงานร่วมกันระหว่างแผนก ส่งผลให้ประสิทธิภาพพนักงานเพิ่มขึ้น 9 % ในไตรมาสต่อมา
4.พนักงานทั่วทั้งองค์กรขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นมากขึ้น และองค์กรสามารถหาลูกค้าใหม่ๆได้เพิ่มขึ้น 6.5 % ในไตรมาสถัดมา

ในที่สุดบริษัทแห่งนี้ก็กลายเป็นผู้นำด้าน CRM Tools ในระดับโลก ขยายไปสู่ 190 ประเทศ และยังมีความสามารถในการ customize software ได้เป็นอย่างดี หลายๆท่าน ในวงการขาย คงพอจะเดาชื่อบริษัทนี้ได้

ในตอนต่อๆไป จะพูดถึงกรณีศึกษาบริษัท ในอุตสาหกรรมอื่น

ขอให้ทุกท่านมีความสุข รักษาสุขภาพ วัคซีน Covid-19 มาแล้ว ผมเชื่อมั่นว่าเรากำลังมุ่งสู่แสงสว่างปลายอุโมงค์
ขอบคุณครับ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า