อีกพักเดียวก็จะหมดไตรมาส 3 แล้ว เป็นอย่างไรบ้างครับ เป้าหมายหรือตัวชี้วัดต่างๆที่ตั้งไว้บรรลุผลสำเร็จเพียงใด สำหรับหน่วยงานราชการ กำลังเข้าสู่ปีงบประมาณใหม่ มีการกำหนดกลยุทธ์ใหม่ๆไว้บ้างไหมครับ
สำหรับใน EP นี้ จะเล่าถึงการที่ CMO (ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด) นำ OKR มาใช้ในการขับเคลื่อนกลยุทธ์องค์กร
5 ความท้าทายที่ CMO ต้องเผชิญ
1. Collaboration is key
การประสานงานกันของแต่ละทีมอย่างไร้รอยต่อเป็นเรื่องสำคัญและเป็นทักษะจำเป็นที่ CMO ต้องมี OKRs เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ทีมมองเห็นเป้าหมายและวัตถุประสงค์องค์กรร่วมกัน เราสามารถตั้ง OKRs ในประเด็นนี้ได้ดังนี้
Objective: ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างแต่ละทีม
Key results:
1.สามารถรวมเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่สำคัญและทีมมีการใช้งานอย่างน้อย 95%
2.กำหนดลำดับความสำคัญของคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ 10 อันดับแรก เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับวางแผนการตลาด
3.จัดสัมมนาร่วมระหว่างแต่ละทีม 5 ครั้ง
4.กำหนดเป้าหมายการตลาดรายสัปดาห์โดยอิงตาม Roadmap ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
2.Knowledge across platforms and being time-sensitive
การสร้างความร่วมมือในแต่ละทีมและการแบ่งปันข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร OKRs เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวัดผล ติดตามการทำงาน และช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังช่วยในการนำแนวปฎิบัติที่เป็นเลิศมาใช้ในการสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขัน ตัวอย่าง OKRs ในเรื่องนี้คือ
Objective: พัฒนาทักษะให้ทีมงานมีความรู้เกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมและแนวปฎิบัติที่เป็นเลิศ
Key results
1.บรรลุโปรแกรมการพัฒนาความรู้ทางด้านเทคนิค 100 %
2.เข้าร่วม Webinar ในหัวข้อแนวโน้มด้านการตลาดใหม่ๆ อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อเดือน
3.เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของโปรแกรมพัฒนาจาก 80% เป็น 110%
3.Adapting to and staying up-to-date on changes
ในสภาพการณ์ที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้ช่องทางการตลาดใหม่ๆเป็นเรื่องจำเป็น ข้อมูลด้านการตลาด โดยเฉพาะ Search Engine Optimization (SEO) กระบวนการทำการตลาดผ่าน Search Engine เพื่อวัตถุประสงค์ในการเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพ และทำให้เว็บไซต์อยู่หน้าแรกบน Google หรือ Search เป็นเรื่องสำคัญ เราลองมาเขียน OKRs ในเรื่องนี้กัน
Objective: นำแนวปฎิบัติด้าน SEO ล่าสุด เข้ามาในกระบวนการทำงานของทีมการตลาดที่ออกแบบเนื้อหา
Key results
1.ทีมทุกคนนำแนวปฎิบัติ SEO ล่าสุดไปใช้ 100%
2.เพิ่มจำนวนคีย์เวิร์ดที่ถูกเลือกแล้วว่ามีประสิทธิภาพ (Target Keywords) ใช้ในการออกแบบเนื้อหาจาก 50% เป็น 75%
3.ดำเนินการตรวจสอบการทำ SEO สำหรับเนื้อหาที่ได้รับความนิยม อย่างน้อยหนึ่งครั้งใน 2 สัปดาห์
4.Strategy needs to be a strong suit for the CMO
CMO ควรมีความเชี่ยวชาญในการกำหนดทิศทางองค์กร ตั้งแต่การวางวิสัยทัศน์ระยะยาวซึ่งจำเป็นต้องประเมินสภาพตลาดและแนวโน้มต่างๆ โดยนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการสร้างความเติบโตและความสำเร็จขององค์กร สิ่งสำคัญลำดับต้นๆคือการวัดและตรวจสอบความมีประสิทธิผลของกลยุทธ์การตลาด เราลองมาเขียน OKRs กัน
Objective: เพิ่มจำนวนลูกค้าเป้าหมายที่แสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการ (a High-Quality Inbound Lead Pipeline)
Keu Results:
1.เพิ่มจำนวนลูกค้าที่ Sign up เว็บไซต์ของเราหรือสอบถามข้อมูล จาก 400 เป็น 500
2.เพิ่มจำนวนลูกค้าที่ขอใบเสนอราคาต่อสัปดาห์จากเว็บไซต์ของเรา จาก 30 เป็น 45
3.เพิ่ม Marketing Qualified Lead (MQL)จาก 50% เป็น 60%
5.Prioritize brand management
ต้นทุนทางการตลาด ทั้ง Lead generation และ sales conversion ของกิจกรรมทางการตลาดควรมีการติดตามผลสัมฤทธิ์ โดยเฉพาะผลตอบแทนในการลงทุน ผลลัพธ์ที่ได้เพื่อนำมาใช้ในการวางแผนกิจกรรมต่อไป
Objective: เพิ่มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของกิจกรรมการตลาดดิจิทัล ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
Key results
1.เพิ่มอัตราการเปิดอีเมล์จาก 30% เป็น 40% ในสัปดาห์ที่สอง
2.เพิ่มอัตราการที่ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้า(Conversion rate)จาก 15% เป็น 20%
สรุป
CMO มีหน้าที่ความรับผิดชอบหลายด้าน และต้องเผชิญกับสภาพตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว CMO ต้องเป็นนักวางกลยุทธ์ นักสื่อสาร สามารถคำนวณถึงผลตอบแทนของกิจกรรมการตลาด และปรับตัวให้ได้อย่างรวดเร็ว
Admin หวังว่าเนื้อหาใน EP นี้น่าจะช่วย CMO ในการเขียน OKRs สำหรับปีงบประมาณถัดไปครับ
Credit บทความ: https://www.profit.co/blog/okr-university/how-can-okrs-help-cmos-with-marketing-and-strategy